เมนู

อรูปววัตถภาวทุกกรปัญหา ที่ 18


พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมิทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้เจริญ ซึ่งภาวะจะกำหนดอรูปธรรมให้เป็นอันเดียวนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาค
กระทำเป็นอันยากหรือ
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภาร สมเด็จพระศาส-
ดาจารย์จะเอารูปธรรม คือเจตนาสิกทั้งหลายอันมีอารมณ์ต่างกัน ให้เป็นอันเดียวกันแล้วจะ
กลับแจกออกว่า ธรรมสิ่งนี้คือผัสโส ธรรมสิ่งนี้คือเวทนา ธรรมสิ่งนี้คือสัญญา ธรรมสิ่งนี้คือเจตนา
อิทํ สิ่งนี้คือจิต นี่แหละคือสมเด็จพระภรวันตบพิตร สุดที่จะกระทำเป็นอันยาก ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้เจริญ สมเด็จพระมหากรุณาผู้ทรงสวัสดิภาคกระทำอย่างไร นิมนต์พระผู้เป็น
เจ้ากระทำอุปมาให้แจ้งก่อน
เถโร ฝ่ายพระนาคเสนจึงถวายอุปมาว่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภาร โกจิ
เทว ปุริโส
เปรียบปานดุจบุรุษหนึ่งไปสู่มหาสมุทรด้วยสำเภา จึงกอบเอาอุทกังในมหา
สมุทรด้วยซองมือของอาตมา ชิวฺหาย สายิตฺวา บุรุษผู้นั้นชิมลิ้มเลียด้วยชิวหา ชาเนยฺย โส
บุรุษผู้นั้นจะรู้หรือหามิได้ว่า อิทํ อุทกํ อุทกังนี้มาแต่แม่น้ำคงคา อิทํ อุทกํ อุทกกังนี้ไหลมาแต่
แม่น้ำยมุนา อุทกังนี้มาแต่แม่น้ำชื่อว่าสรภูนที อุทกังนี้มาแต่แม่น้ำอจิรวดี อุทกังนี้ไหลมาแต่
แม้น้ำชื่อว่ามหินที บุรุษผู้ชิมลิ้มเลียอุทกังในมหาสมุทรแล้ว จะรู้หรือหามิได้ นะบพิตรพระ
ราชสมภารเจ้า
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็น
เจ้าผู้เจริญ บุรุษนั้นจะรู้เป็นอันยาก ด้วยอุทกังนั้นระคนปนกัน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี อันว่าอรูปธรรมเจตสิกทั้งหลายนี้ เมื่อเจือจาน
เข้าเป็นอันเดียวแล้ว สมเด็จพระมุนีก็ทรงกระทำอันยาก ที่จะแจกออกให้เป็นภาคเป็นส่วนว่า
อยํ ผสฺโส ธรรมสิ่งนี้เป็นผัสสะ ธรรมสิ่งนี้เป็นเวทนา ธรรมสิ่งนี้เป็นเจตนา ธรรมสิ่งนี้เป็นจิต นี่
แหละมหาบพิตรพระราชสมภารจงทราบเถิด
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ได้ทรงฟังพระนาคเสนอุปมาก็ชื่นบานหรรษาว่า สาธุ ภนฺเต พระ
ผู้เป็นเจ้าแก้ปัญหานี้ไพเราะเพราะนักหนา
อรูปววัตถภาวทุกกรปัญหา คำรบ 18 จบเท่านี้

ทุกกรปัญหา ที่ 19


อถโข นาคเสโน

ฝ่ายพระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราช-
สมภาร บพิตรจงทราบพระทัยเถิด แต่บพิตรทรงถามซึ่งอรรถปัญหามานี้ เวลาก็สมควรแล้ว
ส่วนสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ ผู้เป็นปิ่นกษัตริย์จึงตรัสว่า อาม เออ โยมนี้รู้ว่าเวลาล่วง
เข้ามัชฌิมยาม คนทั้งหลายตามประทีปไว้สว่างอยู่ในกาลบัดนี้
ครั้งนี้เจ้าพนักงานก็นำซึ่งผ้าสี่พับ สำหรับพระมหากษัตราธิราชจะบูชาธรรมถวายพระ
นาคเสนนั้น มาจัดแจงตระเตรียมไว้
ฝ่ายว่าโยนกข้าหลวงทั้งปวงก็กราบทูลพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ว่า ขอพระราชทาน
พระภิกษุนี้สมควรที่จะถามปัญหา ปณฺฑิโต ท่านมีปัญญาเป็นแท้แล้ว
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์จึงตรัสว่า อาม ภเณ เออดูกรพนายทั้งหลาย พระ
ภิกษุองค์นี้มีปัญญา แม้ว่าผู้ใดส้องเสพย์อาจารย์อันมีปรีชาญาณเห็นปานดังภิกษุนี้ ผู้นั้นอาจ
สามารถที่จะรู้ธรรมวิเศษเร็วพลันไม่ช้าไม่นาน เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัส
สรรเสริญดังนั้นแล้ว ก็มีน้ำพระทัยผ่องแผ้วในปัญหาพยากรณ์ของพระนาคเสน จึงบริจาค
ผ้ากัมพลราคาแสนหนึ่งถวายพระนาคเสน แล้วมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้
โยมอนุญาตปวารณาเป็นกัปปิยการกไว้ แม้พระผู้เป็นเจ้าจะปรารถนาซึ่งวัตถุอันมีในพระราช-
เคหาของโยม โยมจะถวายให้ในกาลบัดนี้
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาถวายพระพรว่า บพิตรพระราชสมภาร อาตมาภาพนี้เลี้ยง
ชีวิตพอสมควรอยู่แล้ว
พระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์จึงตรัสว่า โยมทราบแล้วว่าพระผู้เป็นเจ้าเลี้ยงชีวิตพอสมควร
แต่ทว่านิมนต์รักษาไว้ซึ่งตัวของพระผู้เป็นเจ้ากับทั้งโยมนี้
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาถามว่า ซึ่งมหาบพิตรตรัสว่าให้อาตมารักษาไว้ซึ่งอาตมา
นี้อย่างไร ประการหนึ่งให้รักษาตัวมหาบพิตรไว้ด้วยนั้น จะให้รักษาประการใด
พระเจ้ามิลิท์ปิ่นกษัตริย์จึงตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คำปรับปวาทจะล่วงเข้า
มาครหาว่า พระนาคเสนมีปัญญาฉลาดอาจสามารถที่จะให้พระยามิลินท์ยินดีแล แต่ทว่าเสียที
กระทำหาได้ลาภสักการะไม่ เหตุดังนี้โยมจึงว่าให้รักษาซึ่งตัวของพระผู้เป็นเจ้าไว้ ประการหนึ่ง